วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับบัญชี
ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี
ฉบับที่ ๑๙
เรื่อง จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓

ที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่.. เรื่อง จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ....โดยเอกฉันท์ และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกโดยกำหนดให้คณะอนุกรรมการกำหนดจรรยาบรรณพิจารณาความคิดเห็นของสมาชิกและปรับปรุงร่างข้อบังคับให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับจากวันประชุมใหญ่สามัญฯ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ข้อบังคับนี้ มีความสำคัญต่อผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีเป็นอย่างมาก ในการช่วยส่งเสริม พัฒนา และกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชี โดยข้อบังคับดังกล่าวครอบคลุมเนื้อหาตามข้อบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีความสอดคล้องกับ Fundamental Principle ที่กำหนดโดย IFAC อันประกอบไปด้วย

อ้างอิง
http://www.softbizplus.com/accounting-principles/417-draft-ethics-of-the-accounting-profession

ประเภทของโดเมนเนม


มี 3 ประเภท คือ
1.โดเมนขั้นสูงสุด (Top Level Domain) เป็นรูปแบบที่ยังสามารถแบ่งได้ อีก 2 แบบย่อย คือ รูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแบบสากล (General Internet DNS Top Level Domains: gTLDs) เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้กัน โดยเฉพาะในอเมริกา เช่น .com, .net, .gov และรูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแต่ละประเทศ (Country Code Top Level Domains: ccTLDs) เป็นรูปแบบที่ใช้บ่งบอกถึงประเทศเจ้าของโดเมน หรือบอกที่ตั้งของโดเมน มักจะใช้กับประเทศอื่น ๆ ยกเว้นอเมริกา เช่น .th สำหรับประเทศไทย หรือ .jp สำหรับประเทศญี่ปุ่น หรือ .cn หมายถึงสำหรับประเทศจีน ฯลฯ

2. โดเมนขั้นที่ 2 (Second Level Domain) เป็นรูปแบบของชื่อโดเมนที่ต่อจากรูปแบบโดเมนลำดับที่หนึ่ง (Top Level Domain) ซึ่งรูปแบบในลักษณะที่สองนี้หมายถึงชื่อของโดเมนในโดเมนในลักษณะสากล gTLDs หรือประเภทของโดเมนในโดเมนแต่ละประเทศ ccTLDs ก็ได้ยกตัวอย่างเช่น yahoo.com, google.com, or.jp, com.sg

3. โดเมนขั้นที่ 3 (Third Level Domain) รูปแบบโดเมนลำดับอื่น ๆ หมายถึง รูปแบบโดเมน ลำดับขั้นที่ 3, ขั้น 4 ต่อไป ซึ่งเจ้าของโดเมนประเภทนั้นๆ สามารถที่จะสร้างชื่อโดเมนลำดับที่สาม ลำดับที่สี่ ย่อยลงไปได้อีก ยกตัวอย่างเช่น wap.mobilephone.com หรือ foodgroup.co.th



















อ้างอิง
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7f5e1d9b787392a4










 การใช้งานโปรแกรม Internet Explorer

Internet Explorer(IE)
สำหรับโปรแกรม Internet Explorer จะมีพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ซึ่งเมื่อได้ทำการติดตั้งระบบ Microsoft Windows เสร็จเรียบร้อยจะเห็นไอคอน (IE) บน Desktop
การใช้งานโปรแกรมเบื้องต้น
การไปยัง Web site ที่ต้องการ พิมพ์ชื่อ web site ลงไปในช่อง Address การบันทึกเอกสารที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกเอกสารที่อ่านอยู่ สามารถทำได้โดยการไปที่ File > Save As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์
การบันทึกรูปภาพที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกรูปภาพ สามารถทำได้โดยการคลิกเมาส์ขวาที่รูปภาพ แล้วเลือก Save Picture As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์

การทำ Favorites คือการเก็บ Web Site ที่สนใจไว้  ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องพิมพ์ชื่อสามารถกำหนด Web Site ที่สนใจเป็น favorites ของได้ โดยเมื่ออยู่ที่ Web Site นั้นๆ ให้เลือกที่ Favorites > Add to Favorites โปรแกรมจะทำการเพิ่มลงไปให้โดยอัตโนมัติ และคราวต่อไปสามารถเลือกที่ Favorites ได้โดยตรง
 อ้างอิง

http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4003/page3.htm
Internet Explorer(IE)
สำหรับโปรแกรม Internet Explorer จะมีพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ซึ่งเมื่อได้ทำการติดตั้งระบบ Microsoft Windows เสร็จเรียบร้อยจะเห็นไอคอน (IE) บน Desktop
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต

          ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา
          - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
          - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
          - นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น

ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
          - ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
          - สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          - ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น

ด้านการบันเทิง
          - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
          - สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
          - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้

อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/banny/3734
ประวัติความเป็นของอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ต มีพัฒนาการมาจาก อาร์พาเน็ต (Arp Anet เรียกสั้น ๆ ว่า อาร์พา) ที่ตั้งขึ้นในปี 2512 เป็นเครือข่ายคอมพิวเคอร์ของกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ที่ใช้ในงานวิจัยด้านทหาร (ARP : Advanced Research Project Agency)

มาถึงปี 2515 หลังจากที่เครือข่ายทดลองอาร์พาประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้มีการปรับปรุงหน่วยงานจากอาร์พามาเป็นดาร์พา (Defense Advanced Research Project Agency: DARPA) และในที่สุดปี 2518 อาร์พาเน็ตก็ขึ้นตรงกับหน่วยการสื่อสารของกองทัพ (Defense Communication Agency)
ในปี 2526 อาร์พาเน็ตก็ได้แบ่งเป็น 2 เครือข่ายด้านงานวิจัย ใช้ชื่ออาร์พาเน็ตเหมือนเดิม ส่วนเครือข่ายของกองทัพใช้ชื่อว่า มิลเน็ต (MILNET : Millitary Network) ซึ่งมีการเชื่อมต่อโดยใช้ โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet) เป็นครั้งแรก
ในปี 2528 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของอเมริกา (NSF) ได้ ให้เงินทุนในการสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 6 แห่ง และใช้ชื่อว่า NSFNETและพอมาถึงปี 2533 อาร์พารองรับภาระที่เป็นกระดูกสันหลัง (Backbone) ของระบบไม่ได้ จึงได้ยุติอาร์พาเน็ต และเปลี่ยนไปใช้ NSFNET และเครือข่ายขนาดมหึมา จนถึงทุกวันนี้ และเรียกเครือข่ายนี้ว่า อินเตอร์เน็ต โดยเครือข่ายส่วนใหญ่จะอยู่ในอเมริกา และปัจจุบันนี้มีเครือข่ายย่อยมากถึง 50,000 เครือข่ายทีเดียว และคาดว่า ภายในปี 2543 จะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งโลกประมาณ 100 ล้านคน หรือใกล้เคียงกับประชากรในโลกทั้งหมด
สำหรับประเทศไทยนั้น อินเตอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 2530-2535 โดยเริ่มจากการเป็นเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์ระดับมหาวิทยาลัย (Campus Network) แล้วจึงเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2535และ ในปี 2538 ก็มี การเปิดให้ บริการอินเตอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ (รายแรก คือ อินเตอร์เน็ตเคเอสซี) ซึ่งขณะนั้น เวิร์ลด์ไวด์เว็บกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม อินเตอร์เน็ต บางครั้งก็มีการเรียกย่อเป็น เน็ต (Net) หรือ The Net ด้วยเช่นเดียวกัน อีกคำหนึ่งที่หมายถึงอินเตอร์เน็ตก็คือ เว็บ (Web) และ เวิร์ลด์ไวด์เว็บ (World – Wide Web) (จริง ๆ แล้ว เว็บเป็นเพียงบริการหนึ่งของอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่บริการนี้ ถือว่าเป็นบริการที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด

อ้างอิง
http://www.bcoms.net/article/historyinternet.asp