ความรู้เกี่ยวกับบัญชี
ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี
ฉบับที่ ๑๙
เรื่อง จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๓
ที่ประชุมใหญ่สามัญสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่.. เรื่อง จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ....โดยเอกฉันท์ และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกโดยกำหนดให้คณะอนุกรรมการกำหนดจรรยาบรรณพิจารณาความคิดเห็นของสมาชิกและปรับปรุงร่างข้อบังคับให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับจากวันประชุมใหญ่สามัญฯ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อบังคับนี้ มีความสำคัญต่อผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีเป็นอย่างมาก ในการช่วยส่งเสริม พัฒนา และกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชี โดยข้อบังคับดังกล่าวครอบคลุมเนื้อหาตามข้อบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีความสอดคล้องกับ Fundamental Principle ที่กำหนดโดย IFAC อันประกอบไปด้วย
อ้างอิง
http://www.softbizplus.com/accounting-principles/417-draft-ethics-of-the-accounting-profession
Mint
วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555
ประเภทของโดเมนเนม
มี 3 ประเภท คือ
1.โดเมนขั้นสูงสุด (Top Level Domain) เป็นรูปแบบที่ยังสามารถแบ่งได้ อีก 2 แบบย่อย คือ รูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแบบสากล (General Internet DNS Top Level Domains: gTLDs) เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้กัน โดยเฉพาะในอเมริกา เช่น .com, .net, .gov และรูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแต่ละประเทศ (Country Code Top Level Domains: ccTLDs) เป็นรูปแบบที่ใช้บ่งบอกถึงประเทศเจ้าของโดเมน หรือบอกที่ตั้งของโดเมน มักจะใช้กับประเทศอื่น ๆ ยกเว้นอเมริกา เช่น .th สำหรับประเทศไทย หรือ .jp สำหรับประเทศญี่ปุ่น หรือ .cn หมายถึงสำหรับประเทศจีน ฯลฯ
2. โดเมนขั้นที่ 2 (Second Level Domain) เป็นรูปแบบของชื่อโดเมนที่ต่อจากรูปแบบโดเมนลำดับที่หนึ่ง (Top Level Domain) ซึ่งรูปแบบในลักษณะที่สองนี้หมายถึงชื่อของโดเมนในโดเมนในลักษณะสากล gTLDs หรือประเภทของโดเมนในโดเมนแต่ละประเทศ ccTLDs ก็ได้ยกตัวอย่างเช่น yahoo.com, google.com, or.jp, com.sg
3. โดเมนขั้นที่ 3 (Third Level Domain) รูปแบบโดเมนลำดับอื่น ๆ หมายถึง รูปแบบโดเมน ลำดับขั้นที่ 3, ขั้น 4 ต่อไป ซึ่งเจ้าของโดเมนประเภทนั้นๆ สามารถที่จะสร้างชื่อโดเมนลำดับที่สาม ลำดับที่สี่ ย่อยลงไปได้อีก ยกตัวอย่างเช่น wap.mobilephone.com หรือ foodgroup.co.th
1.โดเมนขั้นสูงสุด (Top Level Domain) เป็นรูปแบบที่ยังสามารถแบ่งได้ อีก 2 แบบย่อย คือ รูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแบบสากล (General Internet DNS Top Level Domains: gTLDs) เป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้กัน โดยเฉพาะในอเมริกา เช่น .com, .net, .gov และรูปแบบโดเมนขั้นสูงสุดแต่ละประเทศ (Country Code Top Level Domains: ccTLDs) เป็นรูปแบบที่ใช้บ่งบอกถึงประเทศเจ้าของโดเมน หรือบอกที่ตั้งของโดเมน มักจะใช้กับประเทศอื่น ๆ ยกเว้นอเมริกา เช่น .th สำหรับประเทศไทย หรือ .jp สำหรับประเทศญี่ปุ่น หรือ .cn หมายถึงสำหรับประเทศจีน ฯลฯ
2. โดเมนขั้นที่ 2 (Second Level Domain) เป็นรูปแบบของชื่อโดเมนที่ต่อจากรูปแบบโดเมนลำดับที่หนึ่ง (Top Level Domain) ซึ่งรูปแบบในลักษณะที่สองนี้หมายถึงชื่อของโดเมนในโดเมนในลักษณะสากล gTLDs หรือประเภทของโดเมนในโดเมนแต่ละประเทศ ccTLDs ก็ได้ยกตัวอย่างเช่น yahoo.com, google.com, or.jp, com.sg
3. โดเมนขั้นที่ 3 (Third Level Domain) รูปแบบโดเมนลำดับอื่น ๆ หมายถึง รูปแบบโดเมน ลำดับขั้นที่ 3, ขั้น 4 ต่อไป ซึ่งเจ้าของโดเมนประเภทนั้นๆ สามารถที่จะสร้างชื่อโดเมนลำดับที่สาม ลำดับที่สี่ ย่อยลงไปได้อีก ยกตัวอย่างเช่น wap.mobilephone.com หรือ foodgroup.co.th
อ้างอิง
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7f5e1d9b787392a4
การใช้งานโปรแกรม Internet Explorer
การใช้งานโปรแกรมเบื้องต้น
การไปยัง Web site ที่ต้องการ พิมพ์ชื่อ web site ลงไปในช่อง Address การบันทึกเอกสารที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกเอกสารที่อ่านอยู่ สามารถทำได้โดยการไปที่ File > Save As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์ การบันทึกรูปภาพที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกรูปภาพ สามารถทำได้โดยการคลิกเมาส์ขวาที่รูปภาพ แล้วเลือก Save Picture As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์
การทำ Favorites คือการเก็บ Web Site ที่สนใจไว้ ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องพิมพ์ชื่อสามารถกำหนด Web Site ที่สนใจเป็น favorites ของได้ โดยเมื่ออยู่ที่ Web Site นั้นๆ ให้เลือกที่ Favorites > Add to Favorites โปรแกรมจะทำการเพิ่มลงไปให้โดยอัตโนมัติ และคราวต่อไปสามารถเลือกที่ Favorites ได้โดยตรง
อ้างอิง
http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4003/page3.htm
Internet Explorer(IE)
สำหรับโปรแกรม Internet Explorer จะมีพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ซึ่งเมื่อได้ทำการติดตั้งระบบ Microsoft Windows เสร็จเรียบร้อยจะเห็นไอคอน (IE) บน Desktop |
การไปยัง Web site ที่ต้องการ พิมพ์ชื่อ web site ลงไปในช่อง Address การบันทึกเอกสารที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกเอกสารที่อ่านอยู่ สามารถทำได้โดยการไปที่ File > Save As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์ การบันทึกรูปภาพที่ต้องการ
เมื่อต้องการบันทึกรูปภาพ สามารถทำได้โดยการคลิกเมาส์ขวาที่รูปภาพ แล้วเลือก Save Picture As จะปรากฏหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกแฟ้มข้อมูลไว้ที่ใดในเครื่องคอมพิวเตอร์
การทำ Favorites คือการเก็บ Web Site ที่สนใจไว้ ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องพิมพ์ชื่อสามารถกำหนด Web Site ที่สนใจเป็น favorites ของได้ โดยเมื่ออยู่ที่ Web Site นั้นๆ ให้เลือกที่ Favorites > Add to Favorites โปรแกรมจะทำการเพิ่มลงไปให้โดยอัตโนมัติ และคราวต่อไปสามารถเลือกที่ Favorites ได้โดยตรง
อ้างอิง
http://www.paktho.ac.th/trirong/classroom/plan4000/plan4003/page3.htm
Internet Explorer(IE)
สำหรับโปรแกรม Internet Explorer จะมีพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ซึ่งเมื่อได้ทำการติดตั้งระบบ Microsoft Windows เสร็จเรียบร้อยจะเห็นไอคอน (IE) บน Desktop |
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา
- สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
- นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น
ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
- ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
- สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
ด้านการบันเทิง
- การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป
- สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
- สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้
อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/banny/3734
ประวัติความเป็นของอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ต มีพัฒนาการมาจาก อาร์พาเน็ต (Arp Anet เรียกสั้น ๆ ว่า อาร์พา) ที่ตั้งขึ้นในปี 2512 เป็นเครือข่ายคอมพิวเคอร์ของกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ที่ใช้ในงานวิจัยด้านทหาร (ARP : Advanced Research Project Agency)
มาถึงปี 2515 หลังจากที่เครือข่ายทดลองอาร์พาประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้มีการปรับปรุงหน่วยงานจากอาร์พามาเป็นดาร์พา (Defense Advanced Research Project Agency: DARPA) และในที่สุดปี 2518 อาร์พาเน็ตก็ขึ้นตรงกับหน่วยการสื่อสารของกองทัพ (Defense Communication Agency)
ในปี 2526 อาร์พาเน็ตก็ได้แบ่งเป็น 2 เครือข่ายด้านงานวิจัย ใช้ชื่ออาร์พาเน็ตเหมือนเดิม ส่วนเครือข่ายของกองทัพใช้ชื่อว่า มิลเน็ต (MILNET : Millitary Network) ซึ่งมีการเชื่อมต่อโดยใช้ โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet) เป็นครั้งแรก
ในปี 2528 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของอเมริกา (NSF) ได้ ให้เงินทุนในการสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 6 แห่ง และใช้ชื่อว่า NSFNETและพอมาถึงปี 2533 อาร์พารองรับภาระที่เป็นกระดูกสันหลัง (Backbone) ของระบบไม่ได้ จึงได้ยุติอาร์พาเน็ต และเปลี่ยนไปใช้ NSFNET และเครือข่ายขนาดมหึมา จนถึงทุกวันนี้ และเรียกเครือข่ายนี้ว่า อินเตอร์เน็ต โดยเครือข่ายส่วนใหญ่จะอยู่ในอเมริกา และปัจจุบันนี้มีเครือข่ายย่อยมากถึง 50,000 เครือข่ายทีเดียว และคาดว่า ภายในปี 2543 จะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งโลกประมาณ 100 ล้านคน หรือใกล้เคียงกับประชากรในโลกทั้งหมด
สำหรับประเทศไทยนั้น อินเตอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 2530-2535 โดยเริ่มจากการเป็นเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์ระดับมหาวิทยาลัย (Campus Network) แล้วจึงเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2535และ ในปี 2538 ก็มี การเปิดให้ บริการอินเตอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ (รายแรก คือ อินเตอร์เน็ตเคเอสซี) ซึ่งขณะนั้น เวิร์ลด์ไวด์เว็บกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม อินเตอร์เน็ต บางครั้งก็มีการเรียกย่อเป็น เน็ต (Net) หรือ The Net ด้วยเช่นเดียวกัน อีกคำหนึ่งที่หมายถึงอินเตอร์เน็ตก็คือ เว็บ (Web) และ เวิร์ลด์ไวด์เว็บ (World – Wide Web) (จริง ๆ แล้ว เว็บเป็นเพียงบริการหนึ่งของอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่บริการนี้ ถือว่าเป็นบริการที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด
อ้างอิง
http://www.bcoms.net/article/historyinternet.asp
มาถึงปี 2515 หลังจากที่เครือข่ายทดลองอาร์พาประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้มีการปรับปรุงหน่วยงานจากอาร์พามาเป็นดาร์พา (Defense Advanced Research Project Agency: DARPA) และในที่สุดปี 2518 อาร์พาเน็ตก็ขึ้นตรงกับหน่วยการสื่อสารของกองทัพ (Defense Communication Agency)
ในปี 2526 อาร์พาเน็ตก็ได้แบ่งเป็น 2 เครือข่ายด้านงานวิจัย ใช้ชื่ออาร์พาเน็ตเหมือนเดิม ส่วนเครือข่ายของกองทัพใช้ชื่อว่า มิลเน็ต (MILNET : Millitary Network) ซึ่งมีการเชื่อมต่อโดยใช้ โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet) เป็นครั้งแรก
ในปี 2528 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของอเมริกา (NSF) ได้ ให้เงินทุนในการสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 6 แห่ง และใช้ชื่อว่า NSFNETและพอมาถึงปี 2533 อาร์พารองรับภาระที่เป็นกระดูกสันหลัง (Backbone) ของระบบไม่ได้ จึงได้ยุติอาร์พาเน็ต และเปลี่ยนไปใช้ NSFNET และเครือข่ายขนาดมหึมา จนถึงทุกวันนี้ และเรียกเครือข่ายนี้ว่า อินเตอร์เน็ต โดยเครือข่ายส่วนใหญ่จะอยู่ในอเมริกา และปัจจุบันนี้มีเครือข่ายย่อยมากถึง 50,000 เครือข่ายทีเดียว และคาดว่า ภายในปี 2543 จะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งโลกประมาณ 100 ล้านคน หรือใกล้เคียงกับประชากรในโลกทั้งหมด
สำหรับประเทศไทยนั้น อินเตอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 2530-2535 โดยเริ่มจากการเป็นเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์ระดับมหาวิทยาลัย (Campus Network) แล้วจึงเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2535และ ในปี 2538 ก็มี การเปิดให้ บริการอินเตอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ (รายแรก คือ อินเตอร์เน็ตเคเอสซี) ซึ่งขณะนั้น เวิร์ลด์ไวด์เว็บกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม อินเตอร์เน็ต บางครั้งก็มีการเรียกย่อเป็น เน็ต (Net) หรือ The Net ด้วยเช่นเดียวกัน อีกคำหนึ่งที่หมายถึงอินเตอร์เน็ตก็คือ เว็บ (Web) และ เวิร์ลด์ไวด์เว็บ (World – Wide Web) (จริง ๆ แล้ว เว็บเป็นเพียงบริการหนึ่งของอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่บริการนี้ ถือว่าเป็นบริการที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด
อ้างอิง
http://www.bcoms.net/article/historyinternet.asp
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)